ซื้อขายหุ้นผ่านตลาดหุ้น เสียภาษี หรือไม่ 2018

ซื้อขายหุ้นผ่านตลาดหุ้น เสียภาษี หรือไม่ 2018

ซื้อขายหุ้น ผ่านตลาดหุ้น ตามกฎหมาย ณ.ปัจจุบัน ไม่ต้องเสียภาษี (เพราะมีความเสี่ยงสูง และ เป็นการกระตุ้นการลงทุนอย่างหนึ่ง)

ในมุม NGO และ นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ร่วมต่อต้านนักการเมืองท่านหนึ่ง และ เป็นที่มาของการประท้วง และ ยึดอำนาจในเวลาต่อมา คือ ประเด็น "ความเท่าเทียม เรื่องการ ขายหุ้นควรมีการเสียภาษี..."

ทีนี้ เราลองมาดูกันว่า ทั่วโลก เป็นอย่างไร ในประเด็นนี้ สรุปคือ "ขายหุ้นผ่านตลาดหุ้น ไม่เสียภาษี" ทั้งนี้เพื่อ ให้เกิดการลงทุนกระจายไปทั่วโลกประเด็นหนึ่ง และ อีกประเด็นหนึ่ง คนเล่นหุ้น(ซื้อขายหุ้น) ก็มีความเสี่ยงในการขาดทุนสูง เพราะ ไม่ใช่เจ้าของบริษัทไม่ทราบสถานการณ์ภายในที่แท้จริงของบริษัทนั้นๆ ดังนั้น มีความเสี่ยงสูงมากที่ต้องยอมขายหุ้นในราคาที่ขาดทุน

มุมมองที่ขัดกันตรงนี้ครับ ประเด็นการขายหุ้น ไม่เสียภาษี จึงไม่สามารถสรุปออกมาเป็นกฎหมายได้ เพราะ ถ้าประเทศไทย ต้องเสียภาษี ประเทศ อื่นก็ไม่กล้าเข้ามาลงทุน ในขณะที่ประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองของไทยได้จุดประเด็นนี้ติดไปแล้วโดยมิอาจหวนคืน

สิ่งที่น่ากลัวคือ ถ้าในอนาคต มีนักธุรกิจ ที่ต้องการมาเล่นการเมือง (สมมุติว่า บริสุทธิ์ใจจริงที่จะเข้ามาทำงานการเมือง) ก็จะโดนเล่นงานมุมนี้อีก

การเรียนรู้ในยุคใหม่

การเรียนรู้แนวใหม่ โดยองค์กรณ์ใหญ่

• สอนเป็นทีม
• เรียนรู้ด้วยกัน

https://www.youtube.com/watch?v=iLqOFhYm6vY

https://www.youtube.com/watch?v=KDa9N1ItkX0

2 ประเภทของพรรคการเมืองแบบบ้านๆ

ประเภทของพรรคการเมืองแบบบ้านๆ

พรรคการเมืองเกิดขึ้นจากคนที่มีแนวคิดทางด้านการเมือง และ สังคม แบบเดียวกัน มีความต้องการเหมือนกัน ร่วมมือกันจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา

การแสดงออกของพรรคการเมืองในปัจจุบันนั้น มีการประชาสัมพันธ์ด้วยแนวทางที่ต่างออกไป ซึ่งามารถแยกออกได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆดังนี้

1. ประชาสัมพันธ์นโยบายเพื่อประชาชนล้วนๆ เป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่มีในประเทศนั้นๆ ซึ่งมักเกิดจากพรรคเล็กๆที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์

2. ชูผู้นำของพรรค และ ความสำเร็จของพรรคที่ผ่านมา

การเมือง แบบเก่า และ แบบใหม่

การเมือง แบบเก่า และ แบบใหม่

การเมืองแบบเก่า	การเมืองแบบใหม่
ต้องรอคำสั่งนายใหญ่	ทุกคนทำได้เหมือนกัน ใช้การตัดสินใจโดยการ vote จากสมาชิก
ตามผู้นำ แม้ผิดก็ตาม	Vote เท่านั้นคือผลสรุป
นำประชุม พิธีกร หรือ แกนนำ นำอยู่ผู้เดียว	พิธีกร จัดสรรค์เวลา กระจายเปิดรับแสดงความคิดเห็นแบบทั่วถึง
คนในกลุ่มใช้ความรู้สึกเป็นตัดสิน นโยบายดี ไม่ดี	คนในกลุ่มใช้เหตุผลเป็นเกณฑ์ตัดสิน โดยอ้างอิงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
ไม่มีการเก็บบันทึกข้อมูลการประชุม ไม่นำมาปฎิบัติ เสนอไปเดี๋ยวรอนายสรุป	มีการสรุปและทำการ vote จริงจากกลุ่มสมาชิก
ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น	กล้าแสดงความคิดเห็น
ไม่ยอมรับความคิดเห็นผู้อื่น ถึงแม้จะถูกก็ตาม	ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ถ้าข้อเสนอนั้นเป็นประโยชน์แก่ตนเอง และ คนส่วนใหญ่
กลุ่มดังแบบ super star	ดังแบบนโยบาย และ ผลงานเด่น
นโยบายไม่เข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง	นโยบายเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง และ รวดเร็ว
นโยบายต้องรอ	นโยบายต้องทำทันที

สิ่งที่ควรมี และ ไม่ควรมีในที่ประชุม

สิ่งที่ควรมี ในที่ประชุม

1. วางกรอบการประชุม ให้อยู่ในรูปแบบ การวางแผน, ทำอะไร, ตรวจสอบความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อให้ได้เป้าหมายที่ตั้งไว้

2. บันทึกการประชุม พร้อมสรุปผลการทำงานก่อนหน้า และ แนวทางปฎิบัติ รวมถึงการดำเนินงานขั้นถัดไป

3. ผู้ดำเนินรายการ ประชุม ฟัง เสียงผู้เข้าร่วมประชุม มากกว่าที่จะพูดเองทั้งหมด เพราะการพูดเองทั้งหมดคือการอบรม หรือ งานสัมนา ไม่ใช่การประชุม

4. ควบคุมเวลา จริงๆ ของการพูดแต่ละคน ไม่ใช่คุมเวลาตามความรู้สึก

สิ่งที่ ไม่ควรมีในที่ประชุม

1. บรรยากาศ ของการปิดกันความคิด

2. ฟังผู้ดำเนินรายการคนเดียวเท่านั้น (ประชุม 2 ชม. ห้องมี 30 คน ผู้ดำเนินรายการเอาเวลาไปแล้วซะ 45 นาที)

3. ไม่มีผลสรุปของการดำเนินการ (ประชุมกี่ครั้งๆ เรียกร้องไปก็เงียบ)

ปัจจัยสี่

Series บ่นไปเรื่อย รัฐสวัสดิการ และ ปัจจัยสี่

สำหรับการทำกิจกรรมทางการเมือง เพื่อสังคม เราอาจต้องใช้แนวร่วมในทุกภาคส่วน แม้กระทั่งในห้องนี้เราก็มีแนวร่วมที่เป็นข้าราชการ และ อาจมีรัฐวิสาหกิจด้วย

ทหาร ข้าราชการ เราถือได้ว่าเป็นข้าราชการ หนึ่งในอาชีพ เหมือนๆ พวกเราทุกคน แต่สิ่งที่ข้าราชการมีคือ สวัสดิการบำนาญทำให้ข้าราชการ ไม่ต้องเดือดร้อนเมื่อปลดประจำการ

ที่นี้มาดูกลุ่ม อาชีพ ที่เสียภาษี (เน้นกลุ่มอาชีพ) รัฐวิสาหกิจ, ธุรกิจส่วนตัว และ เกษตรกร(ฟาร์มขนาดใหญ่ม เกษตรกรณ์ขนาดเล็กเสีย VAT 7% จากการซื้อปุ๋ย ยา ต่างๆ ซึ่งถือว่าถูกที่สุดในโลก) และ ลูกจ้าง พนักงานบริษัท หลังจากปลดประจำการ ได้เพียงแค่เงินก้อนสวัสดิการขององค์กรณ์นั้นๆ พักตรงนี้ก่อน

เราน่าจะลองมาร่วมย้อนมองดูนะครับว่า วันนี้ แท้จริงแล้วการที่คนมาร่วมกิจกรรมการเมืองกัน แท้จริงนั้นเค้าต้องการอะไร เพราะเค้าเหล่านั้นรู้สึกไม่ได้อะไรจากประเทศนี้หรือไม่ ซึ่งจริงๆแล้วเราก็ได้ แต่ มันไม่พอแก่การดำรงชีพมากกว่า

ส่วนหนึ่ง เราเชื่อว่า มาจากพรรคๆ หนึ่ง (หมายเหตุ ขอเสนอแนวคิดที่ดีที่เคยได้ผลมาใช้อ้างอิง)

พรรคนี้เคยบอกว่า ประชาธิปไตย กินได้ และ พรรคนี้ได้คะแนนเสียงอย่างท่วมท้น จากโครงการทำตลาดสินค้าชุมชน ให้เข้าสู่ตลาดโลก เหมือนดังประเทศญี่ปุ่น เคยทำมา ดังนั้นตรงนี้ต้องยกระดับคุณภาพสินค้าที่ส่งออกได้ ต้องทำให้เข้าสู่มาตรฐานโลกด้วย แต่ ท้ายสุดการยึดอำนาจด้วยรูปแบบต่างๆ ถูกลดบทบาทลงเหลือแค่การฝึกอาชีพชาวบ้านที่ผลิตสินค้าชุมชน ^_^

และ สิ่งหนึ่งที่พรรคนี้ ทำให้ประชาชนรู้สึกหวงแหน สืทธิของตนที่ควรได้รับ นั่นคือ การรักษาพยาบาล เพียแค่ กรูมข่าวออกมาว่าการยึดอำนาจจะลดสิ่งนี้ ประชาชน ออกโรง กระพือข่าวต่อต้านนโยบาย จนคณะ... ต้องนำมาพิจารณา และ ออกมาชี้แจงว่าไม่ยกเลิกในที่สุด

สรุป เชื่อว่าแท้จริงแล้ว ที่ทุกคนรู้สึกกันตอนนี้ และ ทำกิจกรรมต่างๆ คือ คนเหล่านั้นรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และ ไม่ได้รับสิทธิพื้นฐานในฐานะประชาชนคนหนึ่งพึงจะได้รับอย่างพอเพียงมากกว่า

ปัจจัยสี่ เป็นหนึ่งใน นั้น ถ้าทุกคนยังต้องส่งบ้านราคา หลักล้านบาทเป็นระยะเวลา 30 ปี

ไม่มีที่ทำกิน มีคนเอาเมล็ดพันธ์ ปุ๋ยยา มาให้ปลูก ลุกพื้นที่ป่า ก็ต้องทำใช่ไหม ไม่เช่นนั้น ครอบครัวจะเอาอะไรรับประทานกัน ปัญหา นี้พบมากในพื้นที่ป่าทั่วประเทศที่ถูกเผา เริ่ม มค-ปลาย พค ของทุกปี

เมื่อทุกคนป่วย สูญเสียคนเป็นที่รัก อุบัติเหตุ อยากพักการทำงานพักผ่อนเพื่อ Recover สุขภาพ และ จิดใจสักปี 2 ปี รัฐจะดูแลเราไหม จะเอาข้าวที่ไหนกิน ลองนึกภาพตามดูภาษีที่เราจ่ายไปล่ะ ^_^ แล้ว ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับพวกเราทุกคน ยังส่งบ้านไม่หมดล่ะ ต้องขายหรือ ถูกยึดใช่ไหม (เรื่องการแก้ไขสถานการณ์ ทุกคนมีอยู่แล้วเพราะชินไม่เคยได้สิ่งนี้จากรัฐบาลไหนๆ)

เป็นสิ่งที่ แปลก สมัยก่อน คนไม่มีที่ทำกินคือเกษตรกรณ์ แต่ปัจจุบัน ทั่วประเทศ บ้าน ส่งแบงค์ไม่หมดปล่อยหลุดเยอะราวกับดอกเห็ด นั่นหมายถึง ชนชั้นกลาง ถึงล่าง 4 กลุ่ม  รัฐวิสาหกิจ, ธุรกิจส่วนตัว  เกษตรกร และ ลูกจ้าง พนักงานบริษัท ที่อยูอาศัย ประสบปัญหาไร้ที่อยู่อาศัยมากขึ้น นี่แหละ คือรัฐสวัสดิการณ์ ตอน ปัจจัยสี่ ^_^

คนญี่ปุ่นงง เด็กไทยที่ติดในถ้า นางนอน สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี

คนญี่ปุ่นงง เด็กไทยที่ติดในถ้า สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี

น่าคิด สื่อญี่ปุ่นคุยกันขนาดนี้แต่คนไทยยังยากจน รายได้ต่อหัวประชากร และ สวัสดิการรัฐ ยังไม่สามารถสู้นานาชาติได้

แนวทางการช่วยเหลือ 13 ชีวิต ถ้ำนางนอน

แนวทางข้อมูลจากข่าว ที่มีโอกาสเป็นไปได้ 3 ช่องทาง

1. ใช้เครื่องขยายเสียง เปิดจากปากถ้ำเข้าไปในถ้ำ

แนวคิด

เนื่องจากถ้ำเป็นท่อนำคลื่นธรรมชาติ ก็จะทำให้คลื่นเสียงสามารถเข้าไปในถ้ำได้ลึก ครั้นเมื่อเด็กๆ ได้ยินเสียง ก็จะเคลื่อนที่เข้ามาหาต้นเสียง ณ.จุดที่ปลอดภัยที่สุด

2. จุดพิกัด ต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น ของนายมาร์ติน

แนวคิด

พิกัดต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น ที่นายมาร์ติน เคยจับได้ครั้งตอนเข้าไปสำรวจซึ่งตรงจุดนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่า ณ.จุดนี้มีโพรง ทะลุถึงในถ้ำได้ เพราะมีสัญญาณ GPS ส่งเข้าไปได้ถึง (สัญญาณ GPS ไม่สามารถ ทะลุเข้าไปยังจุดทึบแสงได้)

3. หุ่นยนต์ดำน้ำ สามารถหาจุดเชื่อมระหว่างหนองน้ำรอบถ้ำเข้าสู่ภายในถ้ำได้

แนวคิด

จากข่าวปริมาณน้ำที่ไหลเข้าถ้ำมีปริมาณมาก แสดงว่า มีจุดเชื่อมระหว่างหนองน้ำรอบถ้ำ และ หนองน้ำภายนอก

พิกัดถ้านางนอนไม่ตรงกัน

พิกัดถ้านางนอนไม่ตรงกัน

ขอเอาใจช่วยหน่วยราชการ และ หน่วยกู้ภัย แต่ปัญหาคงยากที่จะใช้ระบบสารสนเทศ เข้ามาช่วยได้เนื่องจาก พิกัดที่ได้จาก ที่ต่างๆมี 2 จุดคือ

พิกัดใน Google Earth

lat:20.370403,lon:99.871165

และ

พิกัดจาก เวป http://www.onep.go.th/thailandnaturalsites/resourcedetail.php?geo_code=CR1&resourcetypecode=5

 20.381553°,  99.868333°

ความถี่รถไฟฟ้า BTS

ความถี่รถไฟฟ้า ถูกกวน หรือ ?

ข่าวดังประจำวันนี้ เรื่องความถี่รถไฟฟ้า BTS ข่าวบางสำนักรายงานว่า รถไฟฟ้า BTS นั้นเป็นใช้ความถี่ 2.4GHz

ความถี่ 2.4GHz เป็นคลื่นความถี่ WIFI สาธารณะ

เนื่องจากคลื่นความถี่ WIFI 2.4GHz หรือ 2400MHz เป็นความถี่สาธารณะที่ใครๆ ก็สามารถใช้ได้ ดังนั้น การที่รถไฟฟ้า BTS ใช้การสื่อสารบนคลื่นความถี่นี้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกรบกวนโดยผู้ใช้รายอื่นๆ

แนวทางแก้ไข

รถไฟฟ้า BTS สามารถขออนุญาตขอใช้ความถี่เฉพาะ จาก กสทช ได้ ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้จบที่ความถี่หลังจากได้รับอนุญาติแล้ว ทั้งนี้รถไฟฟ้า BTS ยังต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ระบบสื่อสารใหม่อีกด้วย เพื่อให้สามารถใช้งานได้บนความถี่ที่ได้มานั้น 

สถานการคลื่นความถี่ 2600 MHz ประเทศไทย

อสมท. ได้ความถี่ คลื่นความถี่ 2600Mhz โดยอนุญาต ให้ บริษัท เพล์ยเวิรํค จำกัด เป็นคนทำ mobile tv

มุมมองด้านการตลาด  และ การลงทุน

บริษัท  เพล์ยเวิรํค โตมาจาก mobile apps จะมีเงินลงทุนพอที่จะสร้าง network หรือไม่ ต้องสร้างเสา tower ไม่ต่ำกว่า 10,000 จุด ทั่วประเทศ ปัญหา ที่ tv mobile เช่น ไลน์ ทีวี ไปไม่ถึงไหน ในเมืองไทย เพราะ ค่าบริการ data แพง เช่น เล่นเนต * เล็กๆ เกิน 1G เก็บเงินเพิ่ม M ละบาท

ประชาชน ควรจับตามอง

1. บริษัทเพล์ยเวิรํค ได้สัมปทานต่อจาก ไทยสกายทีวี เนื่องจากบริษัทฯ ยุติการออกอากาศ 

2. บริษัท เพล์ยเวิรํค จะต้องใช้งบประมาณในการสร้างโครงข่ายมหาศาล หรือ ต้องเช่าโครงข่ายจาก บริษัทที่ให้บริการหลัก

3. กรณีที่ บริษัทเพล์ยเวิรํค มีงบประมาณการสร้าง หรือ เช่าโครงข่าย สูงเกินกว่ารายรับ อาจถูก เข้ามาเทคโอเวอร์ กิจการบริษัทนี้โดยกลุ่ม mobile operator เดิม

mobile TV จะสำเร็จสมบูรณ์ได้ไม่ใช่แค่ content แต่เป็น network ด้วย

ประเทศไทยมีบทเรียน ก่อนหน้านี้ บริษัท BFKT ประทเศไทย ถูก Take over กรณีคลื่นความถี่ 850 MHz ของ CAT มาแล้ว

อีกมุมมอง

คลื่นความถี่ 1800MHz ไม่มีการประมูลเพราะราคา กสทช ตั้งไว้แพงจนเกินไป ตรงนี้เป็นข้อสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า ผู้ควบคุมราคาไม่ใช่ กสทช ตัวแทนของรัฐบาล อีกต่อไป  แต่เป็นนายทุนภาคเอกชน เหตุการณ์นี้ ทำให้ กสทช. ลดราคาประมูลคลื่นความถี่ 1800MHz ลงมา แต่ในมุมกลับ การเตรียมเงินไปเทคโอเวอร์ บริษัท เพลย์เวิร์ค อาจใช้เงินน้อยกว่า การประมูลคลื่นความถี่ 1800MHz เพราะ coverage สัญญาณ บนคลื่นความถี่ 2600MHz กับ 2100 MHz ที่ Mobile Operator ต่างๆได้ความถี่ไปแล้ว ไม่ได้ต่างกันมาก

กรณี Operator เดิม ถ้ามีการ เทคโอเวอร์บริษัท  เพล์ยเวิรํค เกิดขึ้น จะมีการปรับปรุงเพี่ยงแค่ระบบ Base Station ไม่ว่าจะเป็น NodeB ของ 3G และ LTE (4G) ให้รองรับคลื่นความถี่ 2600 MHz ได้

ในขณะที่ บริษัทเพล์ยเวิรํค ต้องสร้าง infrastructure ใหม่ทั้งหมดคือ เสา Tower ห้องสำหรับวางอุปกรณ์ และ อุปกรณ์ กระจายสัญญาณ

อันนี้ยังไม่รวม Hand Set หรือ โทรศัพท์ มือถือที่รองรับความถี่ 2600 MHz อีกทั้งกรณีที่ บริษัทเพลย์เวอร์ค ทำเพียงผู้เดียวนั้นจะมีอำนาจต่อรอง Mobile Factory ที่ผลิตอุปกรณ์รองรับ คลื่นความถี่ 2600MHz แค่ไหน เมื่อเทียบกับ Mobile Operator ทั้งสามรายที่มีอยู่แล้ว

คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก

คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก จริงหรือ ทำไมคนไทยไม่ยอมรับกันเอง

สิ่งนี้เป็นเรื่องจริงที่มีอยู่ในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นงานทางด้านวิศวกรรม ดนตรี ไปจนถึงวงการพระพุทธศาสนา

ตัวอย่างในวงการวิศวกรรม ค่าจ้างคนไทย จ่ายคนไทยเพียงหลักหมื่น แต่จ่ายต่างชาติที่มีประสบการณ์น้อยกว่าได้เป็นหลักแสน หรือ มากกว่า 10 เท่าได้

วงการพระสงฆ์ ก็เช่นกัน พระที่มีลูกศิษย์ เป็น ต่างชาติ หรือ มีการเปรียบเทียบในเชิงการขึ้นเวทีกับพระต่างชาติ กลับถือเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง ทั้งๆที่ พระไทยตามบ้านนอก หลวงปู่หลวงตา ไร้ชื่อเสียงอาจมีคุณธรรม หรือ สภาวะธรรมที่สูงส่งกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่ท่านเหล่านั้นขาดการโฆษณา

ประเด็นต่างๆที่ได้ยกขึ้น นี้ เขียนไว้เพื่อให้คนไทยได้ฉุกคิดว่า จริงหรือ ที่คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แล้วทำไมคนไทยจึงไม่ยอมรับ ส่งเสริมกันเอง

เรื่องน่าคิดร่างทรง มีจริงหรือ

ร่างทรง สุริยะ หรือ ร่างทรงต่างๆ มีจริงหรือ

เป็นเรื่องน่าคิด และเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ร่างทรงมีอยู่จริงหรือไม่ เรื่องที่เป็นประเด็นอยู่นี้ในประเทศไทย 4.0 คำถามเพื่อให้เราได้ตั้งข้อสังเกตุเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ

บ้านของเรา เราต้องการให้คนแปลกหน้าเข้ามาอยู่หรือไม่

แล้วกายของเราล่ะ เราจะยอมให้จิตของคนอื่นเข้ามาอยู่ได้อย่างไร