auto ads

Amps

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2568

การเลือกซื้อกีตาร์โปร่ง มือใหม่หัดซื้อกีตาร์โปร่ง คู่มือฉบับเข้าใจง่าย เลือกยังไงให้โดนใจ

 มือใหม่หัดซื้อกีตาร์โปร่ง: คู่มือฉบับเข้าใจง่าย เลือกยังไงให้โดนใจ

ทำไมกีตาร์โปร่งถึงเป็นเครื่องดนตรีที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้น (พกพาง่าย, ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะ, เสียงเพราะเป็นเอกลักษณ์
ทำความรู้จักกับกีตาร์โปร่งเบื้องต้น:
ส่วนประกอบหลักของกีตาร์โปร่ง: หัว, ลูกบิด, คอ, ฟิงเกอร์บอร์ด, เฟรต, นัท, บอดี้ (ด้านหน้า, ด้านข้าง, ด้านหลัง), บริดจ์, หย่องล่าง
ประเภทของกีตาร์โปร่ง (แบบคร่าว ๆ สำหรับมือใหม่):
ทรง Dreadnought: ตัวใหญ่ เสียงดัง กังวาน เหมาะกับการตีคอร์ดและสตรัม
ทรง Concert/Auditorium: ขนาดกลาง เสียงบาลานซ์ เล่นได้หลากหลาย
ความแตกต่างของไม้ที่ใช้ทำกีตาร์ :
ไม้หน้า (สำคัญที่สุด): เช่น Spruce (เสียงใส กังวาน), Mahogany (เสียงอบอุ่น หนักแน่น)
ไม้ข้างและไม้หลัง (มีผลต่อโทนเสียงโดยรวม):

ปัจจัยสำคัญที่มือใหม่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อ:

งบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่ชัดเจน และแนะนำว่าในช่วงราคานั้นๆ ควรคาดหวังอะไรได้บ้าง
ขนาดและรูปทรง: แนะนำให้ลองจับและถือว่าถนัดมือหรือไม่ ขนาดของบอดี้และคอมีผลต่อความสบายในการเล่น
ความสบายในการเล่น (Action): Action คือระยะห่างของสายกับฟิงเกอร์บอร์ด Action ที่ต่ำจะเล่นง่ายกว่าสำหรับมือใหม่
เสียง: แนะนำให้ลองดีดและฟังเสียง (ถ้ามีโอกาส) หรือดูรีวิวเสียงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
ความสวยงามและวัสดุ: รูปลักษณ์ภายนอกเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ควรดูเรื่องความเรียบร้อยของงานประกอบด้วย
คำแนะนำสำหรับมือใหม่ในการเลือกซื้อ:
ไปลองด้วยตัวเอง (ถ้าเป็นไปได้): เน้นความสำคัญของการได้สัมผัสและลองเล่นกีตาร์จริง
ขอคำแนะนำจากผู้รู้: พาเพื่อนที่เล่นกีตาร์เป็น หรือปรึกษาพนักงานขายที่น่าเชื่อถือ
อย่าเพิ่งเน้นแบรนด์ดังเสมอไป: มีกีตาร์จากแบรนด์ที่ไม่ดังแต่คุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม
พิจารณากีตาร์มือสอง (ถ้ามีงบจำกัด): แต่ต้องตรวจสอบสภาพให้ดี
อย่าใจร้อน: ค่อยๆ เลือกและเปรียบเทียบจนกว่าจะเจอตัวที่ถูกใจ

สิ่งที่ต้องมีเพิ่มเติมเมื่อซื้อกีตาร์:

ปิ๊ก (Pick): แนะนำขนาดและความหนาที่เหมาะสมสำหรับมือใหม่
สายกีตาร์สำรอง: เผื่อกรณีสายขาด
เครื่องตั้งสาย (Tuner): สำคัญมากสำหรับมือใหม่
กระเป๋ากีตาร์: สำหรับเก็บรักษาและพกพา
(อาจมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เพิ่มเติมได้)

ตัวอย่างสเปคกีตาร์โปร่ง

รู้จักแบรนด์ หรือ ยี่ห้อกีตาร์

ความสำคัญของแบรนด์: ทำไมการรู้จักแบรนด์กีตาร์จึงมีความสำคัญในการเลือกซื้อ (เช่น คุณภาพงานประกอบ, โทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์, ความน่าเชื่อถือ, ราคา)
ความหลากหลายของแบรนด์: แบรนด์กีตาร์มากมายในตลาด แต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นและกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
เช่น
Baton Rouge Guitar เป็นแบรนด์กีตาร์ที่มี ต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ที่เมืองทือบิงเงิน (Tübingen) โดยมีเป้าหมายในการผลิตกีตาร์คุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับนักกีตาร์รุ่นใหม่





แบรนด์กีตาร์ที่น่าสนใจและเป็นที่นิยม เช่น Gibson, Taylor, Martin, Yamaha, Takamine, Alvarez เป็นต้น

แบรนด์ยอดนิยมสำหรับผู้เริ่มต้น (เน้นราคาเข้าถึงง่าย คุณภาพเหมาะสม):

Yamaha: (เน้นความคุ้มค่า, คุณภาพมาตรฐาน, เล่นง่าย, ทนทาน, เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นทุกระดับ) ยกตัวอย่างรุ่นยอดนิยมสำหรับมือใหม่
Cort: (เน้นความหลากหลายของรุ่นและราคา, ดีไซน์สวยงาม, คุณภาพดีในราคาที่สมเหตุสมผล) ยกตัวอย่างรุ่นที่เหมาะกับมือใหม่
Sigma: (เป็นแบรนด์ในเครือ Martin ที่เน้นกีตาร์คุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงง่าย)
Epiphone: (แบรนด์ในเครือ Gibson ที่มีกีตาร์โปร่งทรงคลาสสิกในราคาที่ย่อมเยา)
Baton Rouge Guitar เป็นแบรนด์กีตาร์ที่มี ต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ที่เมืองทือบิงเงิน (Tübingen) โดยมีเป้าหมายในการผลิตกีตาร์คุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับนักกีตาร์รุ่นใหม่

แบรนด์ระดับกลาง (เน้นคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น, วัสดุที่ดีขึ้น, เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีประสบการณ์):

Taylor: (เน้นความสบายในการเล่น, โทนเสียงใส กังวาน, งานประกอบประณีต) ยกตัวอย่างซีรีส์ที่ได้รับความนิยม
Martin: (แบรนด์ตำนาน, โทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ มีความอบอุ่นและกังวาน, คุณภาพสูง) ยกตัวอย่างซีรีส์เริ่มต้นที่พอเอื้อมถึง
Guild: (มีประวัติยาวนาน, โทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ มักมีเสียงเบสที่หนักแน่น)
Seagull: (แบรนด์จากแคนาดา เน้นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และคุณภาพเสียงที่ดี)
Breedlove: (เน้นนวัตกรรมการออกแบบ, โทนเสียงที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์)

แบรนด์ระดับสูง (เน้นงานฝีมือชั้นเลิศ, วัสดุพรีเมียม, โทนเสียงที่เป็นเลิศ, สำหรับผู้เล่นมืออาชีพหรือผู้ที่ต้องการลงทุน):

Collings: (งานฝีมือยอดเยี่ยม, วัสดุคัดสรร, โทนเสียงคมชัดและมีพลัง)
Santa Cruz: (เน้นความพิถีพิถันในการสร้าง, โทนเสียงที่ละเอียดอ่อนและมีเสน่ห์)
Bourgeois: (สร้างโดยช่างทำกีตาร์ระดับตำนาน, โทนเสียงที่สมดุลและมีคุณภาพสูง)

ตัวอย่างสเปคกีตาร์ สำหรับผู้เริ่มต้น

Baton Rouge Guitar
Model: L1LS/F-antique-3
Color: Antique
Shape: Folk
Size: 40 Inches
Top Wood: Spruce
Body Sides: Mahogany
Body Back: Mahogany
Neck: Mahogany
Fingerboard: Ovangkol
Nut & Saddle: Nu bone
Length Scale: 630 mm
Nut Width: 43 mm
Strings: D'Addario EXP11
Frets: 21

ทำความรู้จักกับกีตาร์โปร่งเบื้องต้น:

ส่วนประกอบหลักของกีตาร์โปร่ง: หัว, ลูกบิด, คอ, ฟิงเกอร์บอร์ด, เฟรต, นัท, บอดี้ (ด้านหน้า, ด้านข้าง, ด้านหลัง), บริดจ์, หย่องล่าง
ประเภทของกีตาร์โปร่ง (แบบคร่าว ๆ สำหรับมือใหม่):
ทรง Dreadnought: ตัวใหญ่ เสียงดัง กังวาน เหมาะกับการตีคอร์ดและสตรัม
ทรง Concert/Auditorium: ขนาดกลาง เสียงบาลานซ์ เล่นได้หลากหลาย
ความแตกต่างของไม้ที่ใช้ทำกีตาร์ :
ไม้หน้า (สำคัญที่สุด): เช่น Spruce (เสียงใส กังวาน), Mahogany (เสียงอบอุ่น หนักแน่น)
ไม้ข้างและไม้หลัง (มีผลต่อโทนเสียงโดยรวม)
ปัจจัยสำคัญที่มือใหม่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อ:
งบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่ชัดเจน และแนะนำว่าในช่วงราคานั้นๆ ควรคาดหวังอะไรได้บ้าง
ขนาดและรูปทรง: แนะนำให้ลองจับและถือว่าถนัดมือหรือไม่ ขนาดของบอดี้และคอมีผลต่อความสบายในการเล่น
ความสบายในการเล่น (Action): อธิบายว่า Action คือระยะห่างของสายกับฟิงเกอร์บอร์ด Action ที่ต่ำจะเล่นง่ายกว่าสำหรับมือใหม่
เช่น กีตาร์ Baton Rouge L1LS/F-antique-3 โดดเด่นในเรื่องของ Action ที่กดง่าย และ คอที่เล็ก จับถนัดมือ
เล่นง่าย สบายมือ: ลดความเมื่อยล้าของนิ้วมือ ทำให้สามารถเล่นได้นานขึ้นและสนุกกับการเล่นมากขึ้น
เสียง: แนะนำให้ลองดีดและฟังเสียง (ถ้ามีโอกาส) หรือดูรีวิวเสียงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
ความสวยงามและวัสดุ: รูปลักษณ์ภายนอกเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ควรดูเรื่องความเรียบร้อยของงานประกอบด้วย
คำแนะนำสำหรับมือใหม่ในการเลือกซื้อ:
ไปลองด้วยตัวเอง (ถ้าเป็นไปได้): เน้นความสำคัญของการได้สัมผัสและลองเล่นกีตาร์จริง
ขอคำแนะนำจากผู้รู้: พาเพื่อนที่เล่นกีตาร์เป็น หรือปรึกษาพนักงานขายที่น่าเชื่อถือ
อย่าเพิ่งเน้นแบรนด์ดังเสมอไป: มีกีตาร์จากแบรนด์ที่ไม่ดังแต่คุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม
พิจารณากีตาร์มือสอง (ถ้ามีงบจำกัด): แต่ต้องตรวจสอบสภาพให้ดี
อย่าใจร้อน: ค่อยๆ เลือกและเปรียบเทียบจนกว่าจะเจอตัวที่ถูกใจ
สิ่งที่ต้องมีเพิ่มเติมเมื่อซื้อกีตาร์:
ปิ๊ก (Pick): แนะนำขนาดและความหนาที่เหมาะสมสำหรับมือใหม่
สายกีตาร์สำรอง: เผื่อกรณีสายขาด
เครื่องตั้งสาย (Tuner): สำคัญมากสำหรับมือใหม่
กระเป๋ากีตาร์: สำหรับเก็บรักษาและพกพา
(อาจมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เพิ่มเติมได้)

ข้อสังเกตุเรื่องคุณภาพเสียง

ความถี่ต่ำ (Bass):
มีเสียงสั่นคราง (boominess) หรือไม่?
เสียงเบสมีความชัดเจนหรือพร่ามัว? 
ความถี่กลาง (Midrange):
เสียงในช่วงกลางมีความโดดเด่นหรือถอยร่น? 
โทนเสียงมีความอบอุ่น, ใส, หรือทึบ? 
เสียงมีความคมชัดหรืออู้? 
ความถี่สูง (Treble):
เสียงแหลมมีความใสและคมชัดแค่ไหน?
มีเสียงเสียดหู (harshness) หรือไม่? 
เสียงแหลมมีความละเอียดหรือแตกพร่า? 
ความสมดุลของเสียง (Balance)
ความถี่ทั้งสามช่วง (เบส, กลาง, แหลม) มีความสมดุลกันหรือไม่?
เด่นหรือจมหายไป?
ความกังวาน (Resonance/Sustain):
เสียงโน้ตมีความกังวานยาวนานแค่ไหนหลังจากดีด?
ตัวกีตาร์สั่นสะเทือนมากน้อยแค่ไหนเมื่อเล่น? 
ความชัดเจนของโน้ต (Note Clarity):
เมื่อเล่นคอร์ด หลายๆ โน้ตสามารถแยกแยะออกจากกันได้ชัดเจนหรือไม่? 
หรือว่าเสียงรวมกันจนฟังดูไม่ชัดเจน? ชัดเจน ขนาดตีกราด หรือ ตีรวมๆ ยังสามารถแยกเสียงของแต่ละสายได้
ไดนามิก (Dynamics):
กีตาร์ตอบสนองต่อการดีดเบาและแรงได้ดีแค่ไหน?
มีความแตกต่างของระดับเสียงที่ชัดเจนหรือไม่?
ลักษณะเสียงโดยรวม (Overall Character):
คุณจะอธิบายโทนเสียงโดยรวมของกีตาร์ว่าอย่างไร? 
เสียงของกีตาร์เหมาะกับสไตล์การเล่นแบบใด? 

ข้อสังเกตุเรื่องคุณภาพในการเล่น หรือ สัมผัส

5 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อกีตาร์โปร่งตัวแรกของคุณ

1. ความสบายในการเล่น (Playability):

Action (ความสูงของสาย): ลองเช็คดูว่าความสูงของสายจากเฟรตนั้นเหมาะสมกับสไตล์การเล่น หรือไม่ ถ้าสายสูงเกินไปจะทำให้กดคอร์ดและโซโล่ได้ยากและเจ็บนิ้ว
ความกว้างและความหนาของคอ: รูปทรงและความหนาของคอกีตาร์มีผลต่อความสบายในการจับและเคลื่อนนิ้ว ลองจับและเล่นดูว่าคอกีตาร์นั้นเข้ากับมือของคุณหรือไม่
ความเรียบร้อยของเฟรต: ตรวจสอบดูว่าขอบเฟรตเรียบเนียนดีหรือไม่ ไม่มีส่วนที่คมหรือยื่นออกมาจนบาดมือ

2. สภาพของกีตาร์ (Condition):

ร่องรอยความเสียหาย: ตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีรอยแตก ร้าว บิ่น หรือความเสียหายอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อโครงสร้างและเสียงของกีตาร์หรือไม่
ความเรียบร้อยของงานประกอบ: ดูว่าส่วนต่างๆ ของกีตาร์ประกอบกันได้สนิทและเรียบร้อยดีหรือไม่ เช่น สะพานสาย (bridge), นัท (nut), แซดเดิล (saddle), ลูกบิด (tuning pegs)
คอโก่งงอ: ลองมองจากหัวกีตาร์ลงมาตามแนวคอ เพื่อดูว่าคอตรงหรือไม่ หากคอกีตาร์โก่งงอ อาจส่งผลต่อเสียงและการเล่น

3. งบประมาณ (Budget):

กำหนดงบประมาณที่คุณสามารถจ่ายได้ การมีงบประมาณที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณจำกัดตัวเลือกและเลือกกีตาร์ที่คุ้มค่าที่สุดในงบประมาณนั้น
อย่าลืมเผื่องบประมาณสำหรับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่อาจจำเป็น เช่น เคส, สายสะพาย, ปิ๊ก, เครื่องตั้งสาย

4. สไตล์การเล่นและแนวเพลงที่ชอบ:

หากคุณชอบเล่น Fingerstyle กีตาร์ที่มีขนาดเล็กกว่าและมีเสียงที่ชัดเจนอาจจะเหมาะสมกว่า
หากคุณชอบเล่น Strumming กีตาร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าและให้เสียงที่กังวานอาจจะตอบโจทย์มากกว่า
แนวเพลงที่คุณเล่นก็อาจมีผลต่อการเลือกประเภทของไม้และลักษณะเสียงของกีตาร์

5. ความชอบส่วนตัว (Personal Preference):

รูปลักษณ์ภายนอกของกีตาร์ก็เป็นสิ่งสำคัญ เลือกกีตาร์ที่คุณรู้สึกชอบและอยากจะหยิบมาเล่น
ลองฟังเสียงของกีตาร์หลายๆ ตัวเปรียบเทียบกัน เพื่อหาโทนเสียงที่คุณชื่นชอบ
คำแนะนำเพิ่มเติม:
ลองเล่นด้วยตัวเอง: หากเป็นไปได้ ควรไปลองเล่นกีตาร์ด้วยตัวเองที่ร้านก่อนตัดสินใจซื้อ จะช่วยให้คุณสัมผัสถึงความสบายในการเล่นและฟังเสียงจริงๆ ของกีตาร์ได้
ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณยังไม่แน่ใจ ลองปรึกษาพนักงานขายที่มีความรู้ หรือนักกีตาร์ที่มีประสบการณ์ เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
อย่ารีบร้อนตัดสินใจ: ใช้เวลาในการเลือกและเปรียบเทียบกีตาร์หลายๆ ตัว ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ